นวัตกรรม หมายถึง สิ่งประดิษฐ์หรือวิธีการใหม่ หรือปรับปรุงพัฒนาจากความรู้เดิม ผ่านการคิดค้น ทดลอง นำมาใช้งานได้จริง
1.Type of Innovation ชนิดของนวัตกรรม
1.1.Innovation Education for Management Education คือ
นวัตกรรมสำหรับการจัดการเรียนรู้การนำความคิดใหม่ วิธีการสอนใหม่ หรือ
สิ่งที่ประดิษฐ์ใหม่ และการพัฒนาวิชาเทคนิคใหม่เป็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม สามารถมองเห็นหรือจับต้องได้
นวัตกรรมที่จะช่วยให้การศึกษา และการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
1.2.Innovation Education at the Basic concept คือแนวความคิดรวบยอดสำหรับการจัดประสบการณ์การจัดการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จ
โดยการเลือกใช้นวัตกรรมทางการศึกษาเข้ามาใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพาตัวผู้เรียนให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้
2.Management Education คือ กระบวนการจัดการศึกษา
2.1Innovative
Programs คือการปรับปรุงโปรแกรมขึ้นใหม่
สำหรับใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้
2.2 Innovative teaching and learning คือ
นวัตกรรมการเรียนการสอน เช่นการสอนโดยใช้ CIPPA
MODEL หรือการสอนแบบโครงงาน การสอนแบบศูนย์การเรียนรู้ หรือ
จุดศูนย์กลางเรียนรู้ เป็นต้น
2.3 Innovative teaching materials คือ
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดกระบวนการเรียนการสอนเป็น
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดการความรู้ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีจุดมุ่งหมายหลักเพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทอดและแลกเปลี่ยนความรู้หรือการนำเทคนิคต่างๆมาใช้
เช่น เพื่อนช่วยเพื่อน สื่อการสอนต่างๆเพื่อนเร้าการเรียนรู้ของผู้เรียน
2.4 Innovation
evaluation คือ การประเมินผลซึ่งมีหลักการประเมินทางการศึกษา
หลักการประเมินทางการศึกษาโดยทั่วไปมีดังนี้
1. ขอบเขตการประเมินต้องตรงและครอบคลุมหลักสูตร
2.
ใช้ข้อมูลจากผลการวัดที่ครอบคลุม
จากการวัดหลายแหล่ง หลายวิธี
3.
เกณฑ์ที่ใช้ตัดสินผลการประเมินมีความชัดเจน
เป็นไปได้ มีความยุติธรรม
ตรงตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตร
2.5 Innovation Management คือการจัดการ นวัตกรรมที่ใช้ในการศึกษา
เช่น
(1) การศึกษาในระบบ
(2)
การศึกษานอกระบบ
(3) การศึกษาตามอัธยาศัย
(4) มหาวิทยาลัยเปิด
3.Innovation
for Education คือ นวัตกรรมการเรียนการสอน
3.1 Integrated
Curriculum คือ หลักสูตรแบบบูรณาการ
เป็นการเชื่อมโยงวิชาหนึ่งเข้ากับวิชาอื่นๆ
ในการสอนเพื่อให้ผู้เรียนเกิดองค์ความรู้ที่หลากหลาย และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
การสอนแบบบูรณาการมี 2 แบบ คือ
1. การบูรณาการภายในกลุ่มวิชาหรือสาขาวิชาเดียวกัน โดยกำหนดหัวเรื่อง (Theme) ขึ้น แล้วบูรณาการขอบข่ายวิชาต่างๆ ในการสอนตามหัวเรื่องนั้น
2. การบูรณาการระหว่างวิชา เป็นการเชื่อมโยงหรือรวมศาสตร์ต่าง ๆ ตั้งแต่
2 สาขาวิชา
3.2 Individualized Curriculum คือ หลักสูตรรับผิดชอบน้อยจะส่งผลให้เรียนไม่ได้เต็มที่
3.3 Activity or Experience คือ การจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียน การจัดกิจกรรมพัฒนาผู้เรียนมุ่งพัฒนาให้บุคคลรู้จักและเห็นคุณค่าในตนเองและผู้อื่นมีวุฒิภาวะทางอารมณ์
มีกระบวนการคิด มีทักษะในการดำเนินชีบิตอย่างเหมาะสม และมีความสุข
มีจิตสำนึกในการรับผิดชอบต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและประเทศชาติ
โดยกำหนดเป้าหมายในการจัด กิจกรรมพัฒนาผู้เรียน
ประกอบด้วยกิจกรรมแนะแนว กิจกรรมนักเรียน กิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์
3.4 The Local Curriculum คือหลักสูตรท้องถิ่น มวลประสบการณ์ที่สถานศึกษาหรือหน่วยงานและบุคคลในท้องถิ่นจัดให้แก่ผู้เรียนตามสภาพและความต้องการของท้องถิ่นนั้น
ๆ
ที่จัดไปตามความเหมาะสม ความต้องการของแต่ละคน
ครูผู้สอนจะวิเคราะห์ผู้เรียน ระดับสติปัญญา ข้อดี คือ
ผู้เรียนสามารถเรียนได้ด้วยตนเอง ข้อเสีย คือ ผู้เรียนที่มีความ
4.
Innovative teaching and learning คือ นวัตกรรมการเรียนการสอน
1. Module
Teaching คือการสอนแบบศูนย์เรียน
เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ที่มีการสร้างบทเรียนเป็นหน่วยที่มีเนื้อหาหรือกลุ่มประสบการณ์จบในตัวเอง
สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยมีวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้แน่นอนและชัดเจนโมดูลหนึ่งๆ
จะประกอบด้วยแนวคิด วัตถุประสงค์ กิจกรรมการเรียน สื่อและการประเมินผล
ตามปกติมักนิยมจัดไว้ในลักษณะเป็นแฟ้มห่วงชนิดปกแข็งบรรจุเอกสารพิมพ์ด้วยกระดาษอย่างดีหรือรวบรวมเป็นชุดเอกสาร เป็นหนังสือ เป็นต้น
2. Group Process
Teaching คือ การสอนแบบกระบวนการกลุ่ม เป็นประสบการณ์ทางการเรียนรู้ที่นักเรียนได้รับจากการลงมือร่วมปฏิบัติกิจกรรมเป็นกลุ่ม
กลุ่มจะมีอิทธิพลต่อการเรียนรู้ของแต่ละคนแต่ละคนในกลุ่มมีอิทธิพลและมีปฏิสัมพันธ์ต่อกันและกัน
หลักการสอนโดยวิธีกระบวนการกลุ่ม
3.Remidial Teaching คือการแคร์ความรู้สึกของผู้เรียน
และเข้าใจในตัวผู้เรียน พฤติกรรมของเด็ก
4. Peer Teaching คือการสอนโดยการจับคู่เพื่อให้ช่วยเหลือกัน
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าการสอนแบบเพื่อนช่วยเพื่อน
5. Learning Center การสอนแบบศูนย์การเรียน
หมายถึง การจัดการเรียนการสอนที่แบ่งให้นักเรียนแบ่งเป็นกลุ่มย่อย
โดยเน้นกิจกรรมการเรียนสื่อการเรียนการสอนที่เป็นชุดการสอน
เปิดโอกาสให้ผู้เรียนศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองตามกิจกรรมที่กำหนดไว้ โดยแต่ละกลุ่มจะต้องหมุนเวียนเรียนจนครบทุกศูนย์ และครูจะเป็นผู้คอยให้คำแนะนำ
ช่วยเหลือในการสอนพร้อมการสรุปและประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน
6. Integrative Techniques
คือ การบูรณาการเรียนรู้ที่หลากหลาย
ครูต้องมีความรอบรู้ในหลายแขนงวิชามากกว่าวิชาที่ตนเองสอน
5. Innovative Teaching Materials คือ
เครื่องมือที่ใช้ในการจัดกระบวนการเรียนการสอน
1. Computer Assisted Instruction : CAIคือกระบวนการเรียนการสอน โดยใช้สื่อคอมพิวเตอร์
ในการนำเสนอเนื้อหาเรื่องราวต่างๆ
มีลักษณะเป็นการเรียนโดยตรง และเป็นการเรียนแบบมีปฏิสัมพันธ์ (Interactive) คือสามารถโต้ตอบระหว่างผู้เรียนกับคอมพิวเตอร์ได้
2. Multimedia คือ
การใช้คอมพิวเตอร์ร่วมกับโปรแกรมซอฟต์แวร์ในการสื่อความหมายโดยการผสมผสานสื่อหลายชนิด
เช่น ข้อความ กราฟิก (Graphic) ภาพเคลื่อนไหว (Animation) เสียง (Sound) และวีดิทัศน์ (Video) เป็นต้น
3. Tele conference
คือ การประชุมหรือการสัมมนาผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์
ผู้ร่วมประชุมไม่จำเป็นต้องอยู่ในที่เดียวกัน แต่คุยกันได้
มองเห็นกันได้โดยผ่านทางจอภาพของคอมพิวเตอร์ ส่วนหนึ่งของจอภาพ
อาจแบ่งไว้เป็นที่สำหรับเขียนข้อความหรือภาพ หรือแสดงข้อมูลจากโปรแกรมที่เตรียมไว้
ลักษณะการทำงานเป็นระบบเครือข่าย (network) มีความหมายเหมือน videoconference
4. Interactive
media/Video คือสื่อเชิงโต้ตอบ, สื่อที่ผู้ใช้สามารถมีปฏิสัมพันธ์โต้ตอบได้
เช่น หยุด เล่นซ้ำ หาหัวเรื่องใหม่ ตอบคำถามเพื่อเดินเรื่องไปตามจังหวะที่ผู้รับต้องการ
เหมาะสำหรับการเรียนรู้ และการศึกษารายบุคคลตามความถนัดและความสนใจ
5. Programmed
Instruction คือ
กระบวนการที่ผู้สอนใช้ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด
โดยให้ผู้เรียนศึกษาจากบทเรียนสำเร็จรูปด้วยตนเอง (เนื้อหาถูกแบ่งออกเป็นหน่วยย่อย
เพื่อให้ง่ายแก่การเรียนรู้ และผู้เรียนสามารถตอบสนองต่อสิ่งที่เรียน
ตรวจสอบการเรียนรู้ของตนเองได้ (Immediate
Feedback) ว่าผิดหรือถูก
ผู้เรียนสามารถใช้เวลาในการเรียนรู้มากน้อยตามความสามารถ และสามารถตรวจสอบผลการเรียนรู้ของได้ด้วยตนเอง
6. Teaching
machine คือ เครื่องสอนคือ
เครื่องมือที่สร้างขึ้นเพื่อใช้สอนนักเรียนเป็นรายบุคคล มีส่วนประกอบ
ที่สำคัญคือรายการสอน(Programs) ซึ่งหมายถึง สิ่งพิมพ์ หรือสิ่งที่เขียนเป็นรายการป้อนเข้าไปในเครื่องสอนเพื่อใช้เป็นบทเรียนให้นักเรียน
เรียนได้ด้วยตนเองผู้เรียนจะต้องสามารถเข้าใจได้ทันทีและกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากรู้อยากเห็นอยู่ได้ตลอดเวลา
เครื่องสอนอาจรวมเอาสื่อ หรือเทคนิคหลายอย่างประกอบกัน ซึ่งจะเป็นการเสริมให้เกิดการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น
7. Teaching By Radio and TV คือวิทยุและโทรทัศน์ช่วยสอน
8. Learning Package คือ ชุดการสอนมากกว่า 1 ชิ้น
การใช้สื่อที่หลากหลายหรืออาจจะเป็นชุดกิจกรรม
6. Innovation
evaluation คือ การวัด/ประเมินผล
1. (Formative Evaluation) การประเมินเพื่อพัฒนาหรือการประเมินย่อย เป็นการประเมินเพื่อใช้ผลการประเมิน เพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดการเรียนรู้ การประเมินประเภทนี้ใช้ระหว่างการจัดการเรียนการสอน เพื่อตรวจสอบว่าผู้เรียนมีความรู้ความสามารถตามจุดประสงค์ที่กำหนดไว้ในระหว่างการจัดการเรียนการสอนหรือไม่ หากผู้เรียนไม่ผ่านจุดประสงค์ที่ตั้งไว้ ผู้สอนก็จะหาวิธีการที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ ผลการประเมินยังเป็นการตรวจสอบครูผู้สอนเองว่าเป็นอย่างไร แผนการเรียนรู้รายครั้งที่เตรียมมาดีหรือไม่ ควรปรับปรุงอย่างไร กระบวนการจัดการเรียนรู้เป็นอย่างไร มีจุดใดบกพร่องที่ต้องปรับปรุงแก้ไขต่อไป
2 (Summative Evaluation) การประเมินเพื่อตัดสินหรือการประเมินผลรวม เป็นการประเมินเพื่อตัดสินผลการจัดการเรียนรู้ เป็นการประเมินหลังจากผู้เรียนได้เรียนไปแล้ว อาจเป็นการประเมินหลังจบหน่วยการเรียนรู้หน่วยใดหน่วยหนึ่ง หรือหลายหน่วย รวมทั้งการประเมินปลายภาคเรียนหรือปลายปี ผลจากการประเมินประเภทนี้ใช้ในการตัดสินผลการจัดการเรียนการสอน หรือตัดสินใจว่าผู้เรียนคนใดควรจะได้รับระดับคะแนนใด
3. Diagnosis Evaluation
คือ
การวินิจฉัยละการประเมินผล เป็นการใช้ผลการสอบเพื่อค้นหาจุดเด่น จุดด้อยของผู้เรียน
ว่ามีปัญหาในเรื่องอะไร เพื่อจะนำไปสู่การตัดสินใจแก้ไขปรับปรุงให้ตรงเป้า และเป็นการวัดเพื่อนำผลของการวัดมาสรุปว่า ผู้เรียนอยู่ ในระดับไหนของเกณฑ์ที่กำหนดไว้ เป็นการการประเมินผลเพื่อแก้ข้อ บกพร่อง
4. Automatic Promotion
คือเป็นรูปแบบที่ไม่มีการวัดผล เป็นกระบวนการวัดผลโดยอัตโนมัติ เช่นการเลื่อนชั้นของ
อนุบาลไปเป็นประถม
5.Pre-test คือการทดสอบก่อนเรียนเพื่อวัดความรู้พื้นฐานที่จะนำไปจัดการเรียนรู้
6.Computer use in grading คือการใช้คอมพิวเตอร์เป็นตัวตัดเกรดหรือเป็นตัววัดผลผู้เรียน
7.
Innovation
Management คือ นวัตกรรมที่ใช้ในการจัดการศึกษา
1.Open
University คือมหาวิทยาลัยเปิด ที่ให้โอกาสกับบุคคลทุกคน
ที่ไม่จำเป็นต้องเข้าเรียนตามระบบ เหมือน มหาวิทยาลัยปิด
เหมาะกับบุคคลที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยหรือบุคคลที่มีภาระแต่อยากเรียนต่อ
2.Humanistic
Education คือ การจัดการเรียนการสอนเพื่อที่จะให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์
3.Flexible
Scheduling คือการจัดตารางสอนแบบยืดหยุ่น
4.Non-Formal Education คือการศึกษาซึ่งจัดขึ้นนอกระบบปกติ
ที่จัดให้กับประชาชนทุกเพศทุกวัย
ไม่มีการจำกัดพื้นฐานการศึกษาอาชีพประสบการณ์หรือความสนใจ โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะให้ผู้เรียนได้รับความรู้ในด้านพื้นฐานแก่การดำรงชีวิต
5.
Summer Hill School คือให้เด็กเลือกที่จะเรียนอะไรก็ได้ที่สนใจ
เพื่อดึงศักยภาพและพรสวรรค์ของตัวเด็กอย่างแท้จริง เด็กจะมีความมั่นใจ
มีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น เป็นรูปแบบที่ถอดมาจากแรงบันดาลใจการทำโฮมสคูลมากจากประเทศอังกฤษ
ในการทำงานส่งเสริมคุณภาพชีวิตและประสบการณ์แก่เด็กและเยาวชน
6. School within School คือ การจัดโรงเรียนในโรงเรียน
7. Non-Graded School) คือการเรียนแบบไม่แบ่งชั้น
ภาพ Learning Pyramid จาก www.gotoknow.org
8. Innovation Education at the Basic
concept คือแนวความคิดรวบยอดสำหรับการจัดประสบการณ์การจัดการเรียนรู้ให้ประสบความสำเร็จ
โดยการเลือกใช้นวัตกรรมทางการศึกษาเข้ามาใช้ในกระบวนการจัดการเรียนรู้เพื่อพาตัวผู้เรียนให้บรรลุจุดประสงค์การเรียนรู้ที่ตั้งไว้
1.Individual
Different คือพื้นฐานของเด็กแต่ละคนไม่เหมือนกันหรือไม่เท่ากัน
2. Readiness คือ สภาพความพร้อมหรือวุฒิภาวะของผู้เรียนทั้งทางร่างกาย
อวัยวะต่างๆ ในการเรียนรู้และจิตใจ รวมทั้งพื้นฐานและประสบการณ์เดิม
3.
Use of Time คือการใช้เวลาเพื่อการศึกษาการเรียนการสอนในปัจจุบันยึดถือความสัมพันธ์
ของเวลา กับลักษณะเนื้อหาของแต่ละ วิชานั่นคือ เนื้อหาวิชาเป็นตัวแปรหลัก
ส่วนเวลาเป็นตัวแปรตาม
9.การสื่อสารกับการเรียนการสอน คือผู้สอนจะต้องมีความรอบรู้มากกว่า
เนื้อหาสาระของวิชาที่จะสอน และต้องมีความสนใจเกี่ยวกับตัวผู้เรียนแต่ละคนมากขึ้น
ทั้งพฤติกรรมและความประพฤติของผู้เรียน ตลอดจนความสนใจ ความสามารถของแต่ละบุคคล
ผู้สอนจะต้องนำความรู้ความเข้าใจต่างๆเหล่านี้
มารวบรวมวิเคราะห์และประยุกต์เพื่อใช้ประกอบการสอน การสร้างหลักสูตร
การพัฒนาบทเรียน สื่อการสอน อุปกรณ์การศึกษา และการปรับปรุงการสอน
1.การเรียนรู้ คือการเปลี่ยนแปลงของบุคคลอันมีผลเนื่องมาจากการได้รับประสบการณ์
โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นเป็นเหตุทำให้บุคคลเผชิญสถานการณ์เดิมแตกต่างไปจากเดิม
ประสบการณ์ที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมหมายถึงทั้งประสบการณ์ทางตรงและประสบการณ์ทางอ้อม
2.การสอน คือวิธีการที่ครูถ่ายทอดความรู้ อบรมนักเรียน ให้มีความรู้ ความคิด
เจตคติและทักษะดังที่จุดประสงค์การศึกษาได้ระบุไว้
10. learning pyramid คือเป็นพิรามิดแสดงถึงความสามารถในการจำของคนเรา
สมมติว่า เราเรียนรู้เรื่องหนึ่งๆ
ในห้องเรียน
สีเทา(ยอดปีรามิด) :เริ่มจากการ lecture
(จดบันทึก) เราจะจดจำได้ 5 % คือการรับความรู้มาแล้ว
สีม่วง
: คือ
การมาอ่านทบทวนที่เราได้ lecture ไปแล้ว
จะทำให้เราจดจำได้เพิ่มขึ้นอีก 10%
สีฟ้า
: Audio Visual คือการเรียนรู้จากภาพหรือว่าเสียง ไม่ว่าจะเป็นการอัดเสียงของอาจารย์มาฟัง
การจำเป็นเพลง การเรียนรู้จากสื่อโทรทัศน์หรือวิทยุ ช่วยให้จำได้ 20%
สีเขียว
: คือ
การได้เห็นตัวอย่าง จากประสบการณ์จริงของเราทำให้เราสามารถจำได้ 30% ก็ยังจำได้ไม่ถึงครึ่งอยู่ดี
สีเหลือง
: ถ้าได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกัน
หรือการ Discussion เช่น
การพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กันในกลุ่ม จะช่วยให้จำได้ถึง 50%
สีส้ม
: ได้ทดลองปฏิบัติเอง
หรือ Practice doing จะทำให้จำได้ถึง 75% ที่ทำให้เราจำได้มากก็เพราะว่าเป็นการเรียนรู้โดยผ่านประสบการณ์ตรงของเราเอง
สีแดง : สุดท้าย การได้สอนผู้อื่น (
Teaching) เช่น การติว หรือการสอน จะช่วยให้จำได้มากที่สุดถึง
90%
11.กรวยประสบการณ์คือ กล่าวถึงเอดการ์ เดล (Edgar Dale) ได้จัดแบ่งสื่อการสอนเพื่อเป็นแนวทางในการอธิบายถึงความสัมพันธ์ระหว่างสื่อโสตทัศนูปกรณ์ต่าง
ๆ ในขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงขั้นตอนของประสบการณ์การเรียนรู้
และการใช้สื่อแต่ละประเภทในกระบวนการเรียนรู้ด้วย โดยพัฒนาความคิดของ Bruner
ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา นำมาสร้างเป็น “กรวยประสบการณ์” (Cone of
Experiencess)
โดยแบ่งเป็นขั้นตอนดังนี้
1) ประสบการณ์ตรง โดยการให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ตรงจากของจริง
เช่น การจับต้อง และการเห็น เป็นต้น
2) ประสบการณ์รอง เป็นการเรียนโดยให้ผู้เรียนเรียนจากสิ่งทีใกล้เคียงความเป็นจริงที่สุด
ซึ่งอาจเป็นการจำลองก็ได้
3) ประสบการณ์นาฏกรรมหรือการแสดง เป็นการแสดงบทบาทสมมติหรือการแสดงละคร
เนื่องจากข้อจำกัดด้วยยุคสมัยเวลา และสถานที่ เช่น
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ หรือเรื่องราวที่เป็นนามธรรม เป็นต้น
4) การสาธิต เป็นการแสดงหรือการทำเพื่อประกอบคำอธิบายเพื่อให้เห็นลำดับขั้นตอนของการกระทำนั้น
5) การศึกษานอกสถานที่ เป็นการเรียนรู้จากประสบการณ์ต่าง
ๆ ภายนอกสถานที่เรียน อาจเป็นการเยี่ยมชมสถานที่ การสัมภาษณ์บุคคลต่าง ๆ เป็นต้น
6) นิทรรศการ เป็นการจัดแสดงสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้สาระประโยชน์แก่ผู้ชม
โดยการนำประสบการณ์หลายอย่างผสมผสานกันมากที่สุด
7) โทรทัศน์ โดยใช้ทั้งโทรทัศน์การศึกษาและโทรทัศน์การสอนเพื่อให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้เรียนหรือผู้ชมที่อยู่ในห้องเรียนหรืออยู่ทางบ้าน
8) ภาพยนตร์ เป็นภาพที่บันทึกเรื่องราวลงบนฟิล์มเพื่อให้ผู้เรียนได้รับประสบการณ์ทั้งภาพและเสียงโดยใช้ประสาทตาและหู
9) การบันทึกเสียง วิทยุ ภาพนิ่ง อาจเป็นทั้งในรูปของแผ่นเสียง
เทปบันทึกเสียง วิทยุ รูปภาพ สไลด์
ข้อมูลที่อยู่ในขั้นนี้จะให้ประสบการณ์แก่ผู้เรียนที่ถึงแม้จะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ก็จะสามารถเข้าใจเนื้อหาได้
10)ทัศนสัญลักษณ์ เช่น แผนที่ แผนภูมิ
หรือเครื่องหมายต่าง ๆ ที่เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งของต่าง ๆ
11) วจนสัญลักษณ์ ได้แก่ตัวหนังสือในภาษาเขียน
และเสียงพูดของคนในภาษาพูด
การใช้กรวยประสบการณ์ของเดลจะเริ่มต้นด้วยการให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมอยู่ในเหตการณ์หรือการกระทำจริงเพื่อให้ผู้เรียนมีประสบการณ์ตรงเกิดขึ้นก่อน
แล้วจึงเรียนรู้โดยการเฝ้าสังเกตุในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ซึ่งเป็นขั้นต่อไปของการได้รับประสบ-การณ์รอง
ต่อจากนั้นจึงเป็นการเรียนรู้ด้วยการรับประสบการณ์โดยผ่านสื่อต่างๆ
และท้ายที่สุดเป็นการให้ผู้เรียนเรียนจากสัญลักษณ์ซึ่งเป็นเสมือนตัวแทนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น