วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

สำรวจโรงเรียน

ชื่อโรงเรียนที่ศึกษา

          โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม

บริบทโรงเรียน
          โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย  ตั้งอยู่ เลขที่  42  ถนนปิยะมหาราชาลัย  ตำบลในเมือง  อำเภอเมือง  จังหวัดนครพนม  รหัสไปรษณีย์  48000  สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา  เขต  22  มีจำนวนนักเรียนทั้งหมด  2,438  คน  เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ถึง ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่  6  ปัจจุบันผู้อำนวยการสถานศึกษา  ชื่อ  นายคมสิน  ศรีมานะศักดิ์   จำนวนครูและบุคลากรทางศึกษา 184  คนจากที่ทางโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย  ได้ดำเนินการเก็บข้อมูลโดยการประชุมและพูดคุยกับครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียน  ทำให้ทราบถึงสภาพประเด็นปัญหาของโรงเรียน  และได้สรุปผลการวิเคราะห์และประเมินผลรวมของโรงเรียนปิยะมหาราชาลัยไว้ได้ดังนี้ 

สรุปผลการวิเคราะห์  และประเมินผลโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย  (SWOT)
วิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย                                                                              ตารางที่  1  วิเคราะห์ศักยภาพของโรงเรียนปิยะมหาราขาลัย

ลำดับความสำคัญจุดแข็ง
ลำดับความสำคัญจุดอ่อน
1.       มีโอกาสคัดเลือกนักเรียน
2.       ค่าเฉลี่ยคะแนน O-NET สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศแต่ต่ำกว่า  50
3.       นักเรียน  80  ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
เรียนต่อมหาวิทยาลัยของรัฐ  70  % เรียนต่อมหาวิทยาลัยของเอกชน  10  %
4.       โรงเรียนได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ  โรงเรียนมาตรฐานสากล, ศูนย์อาเซียน MEP ,EIS ,ห้องเรียนพิเศษ ,AFS To be Number One , AIDS , รางวัลโรงเรียนพระราชทาน
5.       นครพนมเป็นแหล่งท่องเที่ยว, อารยธรรม , ประวัติศาสตร์ , อาหารอร่อย
6.       โรงเรียนมีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน  และมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่  3  เข้ากับ  AEC 
7.       มีการสอบแข่งขันเข้าเรียน ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และชั้นมัธยมศึกษาปีที่  4
8.       นายกสมาคมศิษย์เก่าให้การสนับสนุนโรงเรียนเป็นอย่างดี
9.       มีชุมชนมาใช้บริการสถานที่โรงเรียน  ( โรงยิม และ หอประชุม)
10.   โรงเรียนมี MOU กับมหาวิทยาลัยFontrys ประเทศเนเธอแลนด์
1.       นักเรียนบางส่วนมีความบกพร่องต่อการทำหน้าที่ของตนเอง 
2.       นักเรียนขาดทักษะในการแสวงหาความรู้
3.       ครูบางคนยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์
4.       นักเรียนมีชั่วโมงเรียนมากเกินไป
5.       อิทธิพลสมัยใหม่  ค่านิยมต่างๆของนักเรียน
6.       นักเรียนมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ  สังคมและครอบครัว
7.       พื้นที่โรงเรียนมี  2  ส่วน  ทำให้นักเรียนหนีเรียนง่าย

1. ผลการวิเคราะห์  SWOT  เพื่อนำไปสู่เป้าหมายและยุทธศาสตร์การพัฒนาโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย 
ตารางที่ 2  ผลการวิเคราะห์  SWOT  ของโรงเรียนปิยะมหาราชาลัย


โอกาส
O1 โรงเรียนได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ  โรงเรียนมาตรฐานสากล, ศูนย์อาเซียน MEP ,EIS ,ห้องเรียนพิเศษ ,AFS To be Number One , AIDS , รางวัลโรงเรียนพระราชทาน
O2 : นครพนมเป็นแหล่งท่องเที่ยว, อารยธรรม , ประวัติศาสตร์ , อาหารอร่อย
O3  :  โรงเรียนมีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน  และมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่  3  เข้ากับ  AEC 
อุปสรรค
T1  :  อิทธิพลสมัยใหม่  ค่านิยมต่างๆของนักเรียน
T2  :  นักเรียนมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ  สังคมและครอบครัว
T3  :  พื้นที่โรงเรียนมี  2  ส่วน  ทำให้นักเรียนหนีเรียนง่าย
จุดแข็ง
S1 :  มีโอกาสคัดเลือกนักเรียน
S2 : ค่าเฉลี่ยคะแนน
O-NET สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศแต่ต่ำกว่า  50
S3  :  นักเรียน  80  %  ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย                          -เรียนต่อมหาวิทยาลัยของรัฐ  70  %   -เรียนต่อมหาวิทยาลัยของเอกชน 10%
กลยุทธ์  จุดแข็ง  โอกาส  (MM)
รุก / ลุย
กลยุทธ์  จุดแข็ง  โอกาส  (Mm)
เปลี่ยนแปลง / ปรับปรุง
จุดอ่อน
W1 : นักเรียนบางส่วนมีความบกพร่องต่อการทำหน้าที่ของตนเอง 
W2 : นักเรียนขาดทักษะในการแสวงหาความรู้
W3 : ครูบางคนยังไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้สมบูรณ์
กลยุทธ์  จุดแข็ง  โอกาส  (mM)
พัฒนา / หาโอกาส
กลยุทธ์  จุดแข็ง  โอกาส  (mm)
วิกฤต / หลีกเลี่ยง

2.การประสานจุดแข็ง  และโอกาส  เพื่อกำหนดความต้องการของโรงเรียน
ตารางที่  3  การประสานจุดแข็ง  และโอกาส
1  ผลการวิเคราะห์
จุดแข็ง 1 : มีโอกาสคัดเลือกนักเรียน
จุดแข็ง 2 : ค่าเฉลี่ยคะแนน O-NET สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศแต่ต่ำกว่า  50
จุดแข็ง 3 : นักเรียน  80  ไปเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย
              -เรียนต่อมหาวิทยาลัยของรัฐ  70  %
              -เรียนต่อมหาวิทยาลัยของเอกชน  10  %

โอกาส 1 โรงเรียนได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ  โรงเรียนมาตรฐานสากล, ศูนย์อาเซียน MEP ,EIS ,ห้องเรียนพิเศษ ,AFS To be Number One , AIDS , รางวัลโรงเรียนพระราชทาน
โอกาส 2 : นครพนมเป็นแหล่งท่องเที่ยว, อารยธรรม , ประวัติศาสตร์ , อาหารอร่อย
โอกาส 3โรงเรียนมีเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน  และมีสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่  3  เข้ากับ  AEC 
สรุปภาพรวมในการแก้ปัญหา
         1.  คัดเลือกนักเรียนที่เรียนดี
         2. พัฒนาครู
         3.เครื่องมือและเทคนิคในการสอนเพื่อสร้างผลสัมฤทธิ์
         4.   ต้องมีการประเมินและควบคุมผลสัมฤทธิ์
การแก้ไขปัญหา
       1.      ต้องมีการบริหารการเปลี่ยนแปลง
        2.    พัฒนาครูและนักเรียน
ความเสี่ยง
         1.   มีการเลียนแบบและการแข่งขันสูง
         2.   เพิ่มภาระค่าใช้จ่าย
         3.   ส่งผลกระทบต่อบริบทของโรงเรียน
ช่องทางเพิ่มเติม
          1.  ครูได้รับการยกย่องเชิดชูให้มีขวัญและกำลังใจ
          2.  เด็กจะอยู่ในพื้นที่มากขึ้น



ระบุเหตุผลที่ศึกษาโรงเรียนนี้
          3.1 เนื่องจากเป็นโรงเรียนประจำจังหวัดขนาดใหญ่ มีนักเรียนจำนวนมาก ฉะนั้น ปัญหาอาจจะมีมากด้วย
          3.2 สะดวกต่อการศึกษาดำเนินการเพราะสมาชิกในกลุ่มส่วนใหญ่เป็นบุคลากรในโรงเรียน
          3.3 เป็นปัญหาเร่งด่วนที่ควรแก้ไขเพราะส่งผลกระทบตามมาต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน

ระบุผลสำเร็จปัญหาในการจัดการเรียนการสอน
          หลังจากนักเรียนและครูผู้สอนได้ทำการพูดคุย สัมภาษณ์เกี่ยวกับปัญหาและวิธีการแก้ปัญหาร่วมกันแล้วนั้น ทั้งครูและนักเรียนมีความเข้าใจตรงกันมากขึ้น ครูเข้าใจในบริบทของปัญหาการไม่ส่งงานของนักเรียนจึงได้มีการลดภาระงานของนักเรียนลงและเปลี่ยนมาใช้วิธีการสั่งงานให้น้อยลงตามความเหมาะสมและให้นักเรียนทำงานในคาบเรียนแทนเพราะถ้านักเรียนไม่เข้าใจเนื้อหาหรือไม่เข้าใจคำสั่งนักเรียนจะได้สอบถามครูได้โดยตรง จากการแก้ปัญหาข้างต้นแล้วนั้นนักเรียนมีพฤติกรรมการส่งงานที่ดีขึ้น

นำเสนอแผนผังหรือขั้นตอนที่สำคัญของการปฏิบัติงาน

ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

วันที่ปฎิบัติงาน
1.ขั้นประชุม
          1.1 คัดเลือกโรงเรียนที่จะศึกษา ได้แก่ โรงเรียนชุมชนนามนวิทยาคาร โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย
          1.2 สมาชิกในกลุ่มนำเสนอปัญหาในแต่ละโรงเรียน
          1.3 สมาชิกในกลุ่มลงมติเลือกประเด็นที่จะศึกษา

 3 ตุลาคม 2558
2.ขั้นวางแผน
          2.1 กำหนดวัน เวลา สถานที่ในการลงพื้นที่สำรวจปัญหา
          2.2 แบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ
          2.3 กำหนดวัน เวลา สถานที่ในการสัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้อง

 4 ตุลาคม 2558

  
ขั้นตอนการปฏิบัติงาน

วันที่ปฎิบัติงาน
3.ขั้นดำเนินการ
          3.1 ลงพื้นที่สำรวจปัญหา
          3.2 สัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้อง

19 ตุลาคม 2558
4.สรุปและดำเนินงาน
          4.1 รวบรวมข้อมูล
          4.2 จัดทำรูปเล่มรายงาน
20 ตุลาคม 2558

ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงาน
          1.ระยะเวลาจำกัดเนื่องจากสมาชิกในกลุ่มต้องปฏิบัติงานด้านการสอนและเรียนป.บัณฑิตควบคู่กัน เวลาในการทำงานอาจไม่พร้อมกัน
          2.กำหนดการสัมภาษณ์ไม่ตรงที่วางแผนเนื่องจากบุคลากรที่สัมภาษณ์ติดภารกิจ
นำเสนอแผนการพัฒนานวัตกรรม เพื่อสนับสนุนส่งเสริมให้การพัฒนาการเรียนการสอนมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
 ปัญหานักเรียนไม่ส่งงาน
          1. กรณีเด็กเก่งแต่ไม่ทำงานมาส่ง  มักจะเป็นการเรียกร้องความสนใจ  เมื่อเด็กค้นพบว่าเขาไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม เขาก็จะแสดงความประพฤติที่ไม่สมควรเพื่อเรียกร้องความสนใจ       
          2. กรณีเด็กไม่เก่ง   เป็นเพราะเขาไม่เข้าใจและทำไม่ได้  จะทำมาส่งผิดๆ  กลัวโทษจะถูกทำโทษ
          3. แบบฝึกหัดยาก นักเรียนไม่สามารถทำได้และติดงานในรายวิชาอื่น                             
          4. งานที่มอบหมายมากเกินไป เบื่อหน่าย ไม่อยากทำ                                                                      5. ไม่เข้าใจคำสั่ง ครูอธิบายเร็วเกินไป
 แนวทางแก้ปัญหารายกรณี
          1. กรณีเด็กเก่งเรียกร้องความสนใจ  นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้รับความสนใจจากคุณครู  คุณครูก็ควรให้ความสนใจในตัวนักเรียน ด้วยการแสดงความรักความเอาใจใส่  และ  ยอมรับในตัวเขา  แต่ไม่ยอมรับพฤติกรรมของเขา  ด้วยความรักความเอาใจใส่จากคุณครู  เมื่อเขารู้ว่าคุณครูรักเขา สนใจเขา  แสดงว่าเขารู้ว่าเขาค่า  ต่อไปเขาก็จะต้องพัฒนาตัวเองด้วยการทำงานมาส่ง
          2.  กรณีเด็กไม่เก่ง  คงต้องยึดเรื่องความแตกต่างระหว่างบุคคล   ดังนั้น  จึงควรให้งานที่นักเรียนกลุ่มนี้พอทำได้  ส่วนเกณฑ์ในการผ่าน  ก็ผ่านตามเกณฑ์ของนักเรียนกลุ่มที่เรียนไม่เก่ง
          3.ครูผู้สอนในรายวิชาอื่น ๆ ควรมีการสำรวจเจตคติของนักศึกษาที่มีต่อสาเหตุของการไม่ส่งงาน เพื่อ ตรวจสอบความเข้าใจของนักศึกษาเป็นรายบุคคล
          4. ในการสอน ครูผู้สอนต้องเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ซักถามข้อสงสัยในขณะ ทำการเรียนการสอนให้มากที่สุด
          5. ควรมีการเสริมแรง ยกย่องชมเชย และให้กำลังใจกับนักเรียนอย่างสม่ำเสมอในขณะที่ทำการเรียน การสอน

 เอกสารอ้างอิง
- แผนพัฒนาการศึกษาขั้นพื้นฐาน (พ.ศ.2556 -2559 ) โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 22
- คู่มือระบบการเรียนรู้การพัฒนาการจัดการเรียนรู้และการวัดประเมินผลครู กลุ่มบริหารวิชาการ
โรงเรียนปิยะมหาราชาลัย สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต 22
- การศึกษาพฤติกรรมเรื่องการไม่ส่งงาน / การบ้าน ของนักเรียนชั้นประกาศนียบัตรวิชาชีพปี ที่ 3/8 สาขาวิชาคอมพิวเตอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีไทยบริหารธุรกิจ
- การศึกษาพฤติกรรมเรื่องการไม่ส่งงาน / การบ้านของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/4    โรงเรียนเซนต์หลุยส์   ฉะเชิงเทรา

 รายชื่อสมาชิกในกลุ่ม
          1.นายยมศักดิ์ บุญระมี                      หน้าที่ ดำเนินการสัมภาษณ์บุคลากรที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่
          2.นางสาวชนากานต์ อินทจักร์             หน้าที่ เรียบเรียงรูปเล่มรายงาน ลงพื้นที่
          3.นางสาวสุกัญญา แก้วกงพาน             หน้าที่ สืบค้นข้อมูล เรียบเรียงเนื้อหา ลงพื้นที่
          4.นางลลิตา หาริกัน                          หน้าที่ หาข้อมูลเกี่ยวกับบริบทของโรงเรียน ลงพื้นที่
          5.นางสาวอมรรัตน์ สุทธะมา               หน้าที่ วางแผนและจัดทำรูปเล่มรายงาน ลงพื้นที่

ภาพกิจกรรม

 



พื้นที่บริเวณหน้าเสาธงและการซ้อมถวายบังคมพระปิยะมหาราชาลัย
 

 

                                                      ภาพบริบทภายในห้องสมุด

 

 


พื้นที่บริเวณภายในโรงเรียน



 




นางลลิตา  หาริกัน รหัสนักศึกษา 58723713310 หมู่ที่ 3 

หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู ราชภัฎสกลนคร


                        


วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การเรียนการสอนในศตวรรษที่ 21

                 ความท้าทายด้านการศึกษาในศตวรรษที่ 21  ในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมกับชีวิตในศตวรรษที่ 21 เป็นเรื่องสำคัญของกระแสการปรับเปลี่ยนทางสังคมที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 ส่งผลต่อวิถีการดำรงชีพของสังคมอย่างทั่วถึง ครูจึงต้องมีความตื่นตัวและเตรียมพร้อมในการจัดการเรียนรู้เพื่อเตรียมความพร้อมให้นักเรียนมีทักษะสำหรับการออกไปดำรงชีวิตในโลกในศตวรรษที่ 21 ที่เปลี่ยนไปจากศตวรรษที่ 20 และ 19 โดยทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่สำคัญที่สุด คือ ทักษะการเรียนรู้ (Learning Skill) ส่งผลให้มีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนรู้เพื่อให้เด็กในศตวรรษที่ 21 นี้ มีความรู้ ความสามารถ และทักษะจำเป็น ซึ่งเป็นผลจากการปฏิรูปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ 
                ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 (21st Century Skills) วิจารณ์ พานิช (2555: 16-21) ได้กล่าวถึงทักษะเพื่อการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21 ดังนี้
                สาระวิชาก็มีความสำคัญ แต่ไม่เพียงพอสำหรับการเรียนรู้เพื่อมีชีวิตในโลกยุคศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันการเรียนรู้สาระวิชา (content หรือ subject matter) ควรเป็นการเรียนจากการค้นคว้าเองของศิษย์ โดยครูช่วยแนะนำ และช่วยออกแบบกิจกรรมที่ช่วยให้นักเรียนแต่ละคนสามารถประเมินความก้าวหน้าของการเรียนรู้ของตนเองได้ 
สาระวิชาหลัก (Core Subjects) ประกอบด้วย
                ภาษาแม่ และภาษาสำคัญของโลก
                ศิลปะ
                คณิตศาสตร์
                การปกครองและหน้าที่พลเมือง
                เศรษฐศาสตร์
                วิทยาศาสตร์
                ภูมิศาสตร์
                ประวัติศาสตร์
                โดยวิชาแกนหลักนี้จะนำมาสู่การกำหนดเป็นกรอบแนวคิดและยุทธศาสตร์สำคัญต่อการจัดการเรียนรู้ในเนื้อหาเชิงสหวิทยาการ (Interdisciplinary) หรือหัวข้อสำหรับศตวรรษที่ 21 โดยการส่งเสริมความเข้าใจในเนื้อหาวิชาแกนหลัก และสอดแทรกทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เข้าไปในทุกวิชาแกนหลัก ดังนี้
ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21
                ความรู้เกี่ยวกับโลก (Global Awareness)
                ความรู้เกี่ยวกับการเงิน เศรษฐศาสตร์ ธุรกิจ และการเป็นผู้ประกอบการ (Financial, Economics, Business and Entrepreneurial Literacy)
                ความรู้ด้านการเป็นพลเมืองที่ดี (Civic Literacy)
                ความรู้ด้านสุขภาพ (Health Literacy)
                ความรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Literacy)
ทักษะด้านการเรียนรู้และนวัตกรรม จะเป็นตัวกำหนดความพร้อมของนักเรียนเข้าสู่โลกการทำงานที่มีความซับซ้อนมากขึ้นในปัจจุบัน ได้แก่
                ความริเริ่มสร้างสรรค์และนวัตกรรม
                การคิดอย่างมีวิจารณญาณและการแก้ปัญหา
                การสื่อสารและการร่วมมือ
ทักษะด้านสารสนเทศ สื่อ และเทคโนโลยี เนื่องด้วยในปัจจุบันมีการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อและเทคโนโลยีมากมาย ผู้เรียนจึงต้องมีความสามารถในการแสดงทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและปฏิบัติงานได้หลากหลาย โดยอาศัยความรู้ในหลายด้าน ดังนี้
                ความรู้ด้านสารสนเทศ
                ความรู้เกี่ยวกับสื่อ
                ความรู้ด้านเทคโนโลยี
ทักษะด้านชีวิตและอาชีพ ในการดำรงชีวิตและทำงานในยุคปัจจุบันให้ประสบความสำเร็จ นักเรียนจะต้องพัฒนาทักษะชีวิตที่สำคัญดังต่อไปนี้
                ความยืดหยุ่นและการปรับตัว
                การริเริ่มสร้างสรรค์และเป็นตัวของตัวเอง
                ทักษะสังคมและสังคมข้ามวัฒนธรรม
                การเป็นผู้สร้างหรือผู้ผลิต (Productivity) และความรับผิดชอบเชื่อถือได้ (Accountability)
                ภาวะผู้นำและความรับผิดชอบ (Responsibility) 
ทักษะของคนในศตวรรษที่ 21 ที่ทุกคนจะต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต คือ การเรียนรู้ 3R x 7C
3R คือ Reading (อ่านออก), (W)Riting (เขียนได้), และ (A)Rithemetics (คิดเลขเป็น)
7C ได้แก่
               Critical Thinking and Problem Solving (ทักษะด้านการคิดอย่างมีวิจารณญาณ และทักษะในการแก้ปัญหา)
                Creativity and Innovation (ทักษะด้านการสร้างสรรค์ และนวัตกรรม)
                Cross-cultural Understanding (ทักษะด้านความเข้าใจความต่างวัฒนธรรม ต่างกระบวนทัศน์)
                Collaboration, Teamwork and Leadership (ทักษะด้านความร่วมมือ การทำงานเป็นทีม และภาวะผู้นำ)
                Communications, Information, and Media Literacy (ทักษะด้านการสื่อสารสารสนเทศ และรู้เท่าทันสื่อ
                Computing and ICT Literacy (ทักษะด้านคอมพิวเตอร์ และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร)
                Career and Learning Skills (ทักษะอาชีพ และทักษะการเรียนรู้)


ภาพ จาก thaipublica.org

              แนวคิดทักษะแห่งอนาคตใหม่: การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 และกรอบแนวคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21
                การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 เป็นการกำหนดแนวทางยุทธศาสตร์ในการจัดการเรียนรู้ โดยร่วมกันสร้างรูปแบบและแนวปฏิบัติในการเสริมสร้างประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยเน้นที่องค์ความรู้ ทักษะ ความเชี่ยวชาญและสมรรถนะที่เกิดกับตัวผู้เรียน เพื่อใช้ในการดำรงชีวิตในสังคมแห่งความเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน โดยจะอ้างถึงรูปแบบ (Model) ที่พัฒนามาจากเครือข่ายองค์กรความร่วมมือเพื่อทักษะแห่งการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Partnership For 21st Century Skills) (www.p21.org ) ที่มีชื่อย่อว่า เครือข่าย P21  ซึ่งได้พัฒนากรอบแนวคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 โดยผสมผสานองค์ความรู้ ทักษะเฉพาะด้าน ความชำนาญการและความรู้เท่าทันด้านต่างๆ เข้าด้วยกัน เพื่อความสำเร็จของผู้เรียนทั้งด้านการทำงานและการดำเนินชีวิต


                ภาพ กรอบแนวคิดเพื่อการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (21st Century Learning Framework)
                กรอบแนวคิดเชิงมโนทัศน์สำหรับทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เป็นที่ยอมรับในการสร้างทักษะการเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 (Model of 21st Century Outcomes and Support Systems) ซึ่งเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเนื่องด้วยเป็นกรอบแนวคิดที่เน้นผลลัพธ์ที่เกิดกับผู้เรียน (Student Outcomes) ทั้งในด้านความรู้สาระวิชาหลัก (Core Subjects) และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 ที่จะช่วยผู้เรียนได้เตรียมความพร้อมในหลากหลายด้าน รวมทั้งระบบสนับสนุนการเรียนรู้ ได้แก่มาตรฐานและการประเมิน หลักสูตรและการเยนการสอน การพัฒนาครู สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมต่อการเรียนในศตวรรษที่ 21
       การเรียนรู้ในศตวรรษที่ 21 ต้องก้าวข้าม สาระวิชาไปสู่การเรียนรู้ ทักษะแห่งศตวรรษที่ 21” (21st Century Skills) ซึ่งครูจะเป็นผู้สอนไม่ได้ แต่ต้องให้นักเรียนเป็นผู้เรียนรู้ด้วยตนเอง โดยครูจะออกแบบการเรียนรู้ ฝึกฝนให้ตนเองเป็นโค้ช (Coach) และอำนวยความสะดวก (Facilitator) ในการเรียนรู้แบบ PBL (Problem-Based Learning) ของนักเรียน ซึ่งสิ่งที่เป็นตัวช่วยของครูในการจัดการเรียนรู้คือ ชุมชนการเรียนรู้ครูเพื่อศิษย์ (Professional Learning Communities : PLC) เกิดจากการรวมตัวกันของครูเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์การทำหน้าที่ของครูแต่ละคนนั่นเอง

อ้างอิงจาก
http://www.noppawan.sskru.ac.th/data/learn_c21.pdf
http://www.srn2.go.th/attachments/article/145/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B
http://www.thaipublica.org

วันที่ 17 ต.ค. พ.ศ.2558 นางลลิตา  หาริกัน รหัสนักศึกษา 58723713310 หมู่ 3
หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู มหาวิทยาลัยราชภัฎสกลนคร